ป็อกเด้ง หรือ ไพ่ป็อกเด้ง เป็นเกมไพ่ยอดนิยมในประเทศไทย คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักเกมไพ่นี้ เป็นเกมเดิมพันที่เล่นง่าย มีวิธีการเดิมพันที่เข้าใจง่ายที่สุด ด้วยแนวคิดการใช้ทักษะวิชาคณิตศาสตร์การบวกเลขแบบพื้นฐาน เพียงแค่ดูวิธีการเล่นป๊อกเด้ง 1-2 ครั้ง ทุกท่านก็สามารถที่จะเข้าใจวิธีการเล่น การเดิมพันทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย
ประวัติความเป็นมาของไพ่ป็อกเด้ง
เรื่องราวความเป็นมาเกี่ยวกับ ไพ่ป็อกเด้ง ยังไม่มีแหล่งที่มาที่ชัดเจนมากนัก แต่ข้อมูลส่วนใหญ่ระบุว่าเป็นเกมที่นิยมเล่นกันอย่างมากในแถบทวีปเอเชีย รวมไปถึงวิธีการเรียกลักษณะพิเศษของผลไพ่ในแต่ละรูปแบบค่อนข้างตรงตัว และเข้าใจได้ง่าย เช่น ป็อกเก้า ป็อกแปด สองเด้ง บอด เป็นต้น
คำเหล่านี้ถือเป็นคำในภาษาไทยที่ทุกคนต่างเข้าใจกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว การเล่นไพ่ป็อกเด้งหรือไพ่ป็อกนั้น จะใช้ไพ่ 52 ใบ ขนาดมารตฐานเพียงแค่สำรับเดียว ในการเล่นแต่ละรอบและก็ใช้ไพ่สำรับเดียวกันสำหรับในการเล่นพนันตลอด รวมทั้งสับไพ่ครั้งใดก็ตามในการเล่น ซึ่งเป็นเกมไพ่ที่จะต้องนับแต้มรวมสูงสุดไม่เกิน 9 แต้ม
และตัดสินด้วยการดูว่าผู้เล่นหรือเจ้ามือฝั่งใดมีแต้มมากกว่ากัน ทั้งนี้ยังมีเกมไพ่ที่ชอบเล่นกันในต่างประเทศ เช่น ไพ่แบล็คแจ็ค บาคาร่า ที่มีวิธีการเล่นสอดคล้องหรือใกล้เคียงกันกับไพ่ป็อกเด้ง จึงทำให้แหล่งกำเนิดของไพ่ป็อกเด้ง เป็นไปได้หลายแง่มุม
ค่าของหน้าไพ่ในเกม ป็อกเด้ง
10,J,Q,K มีค่าเท่ากับ 0 แต้ม
A มีค่าเท่ากับ 1
2,3,4,5,6,7,8,9 มีค่าเท่ากับ แต้มที่ปรากฏบนหน้าไพ่
นอกจากนี้ทุกท่านก็ควรจะเข้าใจวิธีการเรียงลำดับ ขนาดของไพ่ อีกด้วย ซึ่งจะเป็นวิธีการวัดผลแพ้ชนะเมื่อแต้มรวมแล้วมีค่าเท่ากัน
วิธีการวัดผลแพ้ชนะของไพ่ป็อกเด้ง
การวัดผลแพ้ชนะจะใช้รูปแบบของการเรียงไพ่จากใหญ่ไปหาเล็ก ดังนี้
กรณี วัดผลที่แต้มไพ่ ดังนี้
ป๊อก 9 ( 2 เด้ง ) , ป๊อก 9 , ป็อก 8 ( 2 เด้ง ) , ป๊อก 8
กรณีที่แต้มของไพ่ เท่ากัน จะเรียงลำดับขนาดของไพ่ ดังนี้
ตอง > สเตทฟลัท > เรียง > สามเหลือง > แต้ม
กรณี ตอง จะต้องวัดผลไพ่และเรียงลำดับตามแต้ม ดังนี้
K > Q > J > 10 > 6 > 5 > A
กรณี ไพ่เรียง หรือ สเตทฟลัท จะใช้วิธีการวัดผลด้วยดอกของหน้าไพ่ ดังนี้
โพธิ์ดำ > โพธิ์แดง > ข้าวหลามตัด > ดอกจิก
กติกาการเล่นไพ่ป็อกเด้ง
กติกาการเล่นป็อกเด้งไพ่ 2 ใบนั้น ผู้เล่นทุกคนจะต้องทำให้แต้มในมือของตัวเองมีผลรวมเท่ากับ 9 แต้ม หรือให้ใกล้เคียง 9 แต้ม ให้มากที่สุด ดังนั้นถ้าหากไพ่ 2 ใบ แรก ให้แต้มเท่ากับ 6 ก็จะถือว่าอยู่ ไม่ต้องเรียกไพ่ใบที่ 3 เพิ่ม และนอกจากนี้ ผู้เล่นจะลุ้นไพ่ตอง ( ตอง 3 ) ไพ่สเตทฟลัท,ไพ่เรียง และไพ่สามเหลือง ซึ่งจะขึ้นอยู่กับหน้าไพ่ 2 ใบแรกที่อยู่ในมือ จะเป็นตัวแปรให้ผู้เล่นตัดสินใจขอไพ่ใบที่ 3 หรือไม่ เพราะถ้าหน้าไพ่เป็นไปตามแบบที่กล่าวมาข้างต้น จะทำให้ได้รับผลตอบแทนสูงขึ้น 3–5 เท่าเลยทีเดียว
คำศัพท์ในไพ่ป็อกเด้ง
ป็อก 8,ป็อก 9 คือ การชนะด้วยไพ่ 2 ใบแรก ที่ได้ 9 แต้ม หรือ 8 แต้ม ซึ่งการชนะด้วยผลลัพธ์ 9 แต้มนั้น ในกรณีที่มีการได้ดอกหรือเด้งเหมือนกัน เก้าสองเด้งจะถือว่าเป็นรูปแบบการชนะที่สูงที่สุด
2 เด้ง คือ จะเกิดขึ้นในรอบการเล่นไพ่ 2 ใบเท่านั้น โดยที่เลขจะต้องเป็นเลขเดียวกัน หรือดอกเดียวกัน ผลการเดิมพันทำให้ผู้เล่น ได้หรือเสีย ตามมูลค่าที่ลงเดิมพันเป็นจำนวน 2 เท่า
3 เด้ง จะเกิดขึ้นในรอบการเล่นไพ่ 3 ใบเท่านั้น โดยที่จะต้องเป็นไพ่ดอกเดียวกันทั้ง 3 ใบ ผลการเดิมพันทำให้ผู้เล่น ได้หรือเสีย ตามมูลค่าที่ลงเดิมพันเป็นจำนวน 3 เท่า
สเตท / เรียง คือ ไพ่ 3 ใบ ที่มีแต้มเรียงกันโดยไม่จำเป็นที่จะต้องมีไพ่ดอกเดียวกัน ยกเว้น A,2,3 และ K,A,2 กรณีนี้จะนับแต้มตั้งแต่ 2 ขึ้นไป เพราะ A คือไพ่ใหญ่สุด
ตอง คือ จะเป็นไพ่ที่ใหญ่ที่สุดในช่วงที่เล่นไพ่ 3 ใบ ไพ่จะต้องมีตัวเลขเดียวกันทั้ง 3 ใบ
สามเหลือง หรือที่เรียกกันอีกชื่อว่า 3 ฝรั่ง ผลของไพ่จะประกอบด้วย J,Q,K โดยสามารถสลับกันได้ เช่น J J Q , Q Q K ในชุดไพ่สามเหลืองมีหน้าไพ่ที่ซ้ำกันได้ และถ้าหากหน้าไพ่ซ้ำกัน 3 ใบ จะกลายเป็นไพ่ตองทันที
บอด คือ ไพ่ที่รวมแต้มแล้วได้ 0 แต้ม แค่จะไม่นับรมการมีผลของไพ่สามเหลือง เช่น การออกผลไพ่เป็น 10 Q J
ไพ่ป็อกเด้งออนไลน์ ทางเลือกใหม่สำหรับคนอยากรวยทางลัด
อย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ ว่าช่วงนี้เศรษฐกิจตอนนี้ค่อนข้างแย่มาก ๆ เหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้าก็ขายของไม่ค่อยดี ดังนั้นจึงไม่แปลกที่หลาย ๆ คนกำลังหารายได้เสริมที่นอกเหนือจากงานประจำที่ทำอยู่ และวันนี้เราก็ได้มีช่องทางที่สามารถทำรายได้ ได้จริง ไม่ว่าจะเป็นรายได้เสริม หรือบางคนอาจจะยึดเป็นอาชีพหลักเลยก็ว่าได้ นั่นคือ การเดิมพันออนไลน์ ที่กำลังได้รับความนิยมทั่วโลก เพราะใช้เวลาไม่นาน ก็มีโอกาสได้เงินไปใช้กันอย่างสบาย ๆ และเกมเดิมพันที่มาแรง ฮิตสุด ๆ ในช่วงนี้ ก็คือ ป็อกเด้งออนไลน์ เพราะเล่นง่าย กติกามีไม่มาก และใช้เวลาไม่นาน ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีก็สามารถรู้ผลเลย